วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เป้าหมาย

วันนี้กลับมาคิดๆดู อย่างแรกที่ผมควรเขียนลงบล็อกน่าจะเป็นเป้าหมายของผม เป้าหมายที่ผมต้องการไปถึง ไม่ใช่เขียนว่าวันนี้ทำอะไรไปบ้าง

เป้าหมายนี้ต้องเป็นเป้าหมายที่มีขอบเขตชัดเจน ไม่ใช่เป้าหมายลอยๆแบบที่ผมชอบบอกว่า อยากเข้ามหาลัยดีๆที่อเมริกาเพื่อไปเรียนต่อโท (เป้าหมายที่ชัดเจนน่าจะทำให้เรากำหนดแผนได้ง่ายขึ้นนะ ผมคิดว่างั้น)

แต่ตอนนี้เองผมก็ยังกำหนดเป้าหมายที่มีขอบเขตชัดเจนจริงๆไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวจะค่อยๆกระชับวงล้อมเข้าไปละกันเนอะ

เป้าหมายแบบคร่าวๆ
  • เรียนต่อโทที่อเมริกาปีหน้า (อาจจะสมัคร PhD เลย ขอตัดสินใจก่อน)
  • เรียน com sci ด้าน computer system (น่าจะเป็นพวก distributed system)
  • มหาลัยที่จะ apply ต้องเป็น top 40 (อันนี้ก็ยังไม่แน่ใจ เลข 40 กำหนดขึ้นมามั่วๆ เดี๋ยวต้อง research อีกที)
ภายในอาทิตย์หน้าผมจะกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนมากกว่านี้ให้ได้ครับ

ปล. มึนกับเอ็นทรี่ที่แล้วที่เขียนเมื่อวานจริงๆ เขียนตอนง่วงๆ กลับมาอ่านแล้วไม่ค่อยรู้เรื่อง

วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

New project

The good day is the day that you decide to do something.

Yep, I have decided to do the large thing. (At least, I think it is the large thing.) I'm going to apply for master degree at Stanford and UC Berkeley. I know it is very difficult for the person like me. The man that haven't get the first class honor and couldn't get any scholarship. It is difficult but it isn't impossible. I will try my best to make this dream comes true.

For completing this goal, the discipline is very gravity so I decide to write this blog for reporting the progress about my preparing plan. I expect that I can routinely use 5 - 10 minutes to report my progress everyday.

This entry is the first one of the project. I hope that I can continue to write on this project until I am accepted by the university. Let's see if I can do this.

วันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กลับมาแล้วครับ

อย่างแรกก็ต้องสวัสดีก่อน สวัสดีครับ ผมไม่ได้เขียนบล็อกที่นี่มาเกือบจะปีครึ่งได้แล้ว ปกติเวลาผมหายไปนานๆ แล้วกลับมาเขียนใหม่ผมจะต้องออกตัวก่อนว่ายังไม่ตายนะครับ แต่มุกนี้ก็เล่นบ่อยไปแล้ว เพราะฉะนั้นครั้งนี้ก็คงไม่เล่นซ้ำอีก

ครับ ตกลงว่าผมยังไม่ตายครับ :P

ส่วนสาเหตุที่หายไปก็เรื่องเดิมๆครับ ปัญหาชีวิต + ขี้เกียจเขียน (เป็นเหตุผลที่แย่ที่สุดในโลกเลยวุ้ย)

ต่อไปนี้จะพยายามกลับมาเขียนให้สม่ำเสมอเหมือนเดิมครับ (แต่ก่อนก็ไม่ได้สม่ำเสมอนี่หว่า)

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552

เรา

เราได้เจอกันวันที่ 6 กุมภาฯ วันที่ 28 กันยาฯ เราต้องมาห่างกัน

วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2552

ศรัทธา

ศรัทธาอันงมงาย พาไปสู่ความฉิบหายอันยั่งยืน

คุณ weerahi จากเว็บพันทิป

วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2552

It is not enough to stare up the steps;

It is not enough to stare up the steps; we must step up the stairs

Vance Havner เป็นคนพูด
แต่ผมเอามาจากชื่อเอ็มทีระพาบ

วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2552

เส้นทางสู่นิพพาน

เคยเขียนถึงเส้นทางสู่จอมคนไปแล้ว วันนี้จะมาเขียนเส้นทางสู่นิพพานบ้างดีกว่า

เส้นทางสู่นิพพานก็มี 2 เส้นทางมาเสนอครับ เส้นทางแรกที่จะเขียนเป็นทางที่ไม่การันตีผลสำเร็จนะครับว่าทำแล้วจะนิพพานได้จริง ใครอยากรู้วิธีที่ทำแล้วนิพพานได้จริงข้ามไปอ่านเส้นทางที่ 2 ได้เลยครับ (แต่เพื่อความเข้าใจ อ่านเส้นทางแรกก่อนก็ดี)

อย่างที่บอกไปแล้วว่าเส้นทางนี้ไม่การันตีผลสำเร็จ แต่อย่างน้อยถ้าทำตามจิตใจก็สบายขึ้นพอดูแหละ วิธีนี้เหมาะสำหรับพุทธศาสนิกชนทั่วไปนะครับ
  1. เข้าวัดเข้าวา เพื่อไปทำบุญ ฟังเทศก์ ฟังธรรม การฟังธรรมนั้นจะช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้รู้จักผิดชอบชั่วดี การเข้าวัดนี้ไปเป็นประจำก็ยิ่งดีครับ หรือถ้าไปไม่ได้จะไปเฉพาะวันสำคัญทางพุทธศาสนาก็ไม่ผิดกติกา
  2. สวดมนต์ การสวดมนต์นั้นจะทำให้จิตใจสงบ ไม่จำเป็นต้องสวดบทที่ยาวเหยียดอะไรมากนักก็ได้ครับ แค่สวดนะโม หรือสวดพุทธธัง ภควันตัง ก็พอครับ ถ้าให้ดีก็ควรจะสวดทั้งแบบที่เป็นภาษาบาลี และแบบที่เป็นแปลไทยด้วย เพื่อให้เข้าถึงบทสวดนั้นยิ่งขึ้น สวดตอนก่อนนอนแค่นั้นก็พอครับ ทำให้จิตใจสงบ นอนหลับสบาย
  3. ศึกษาพระธรรม ครับ ไม่จำเป็นถึงขนาดต้องศึกษาพระไตรปิฎก 84,000 พระธรรมขันธ์ หรอกครับ แค่ศึกษาธรรมะพื้นฐานที่นำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ก็พอ เช่น พรหมวิหาร 4, อิทธิบาท 4 เป็นต้น สื่อการศึกษาเดี๋ยวนี้ก็มีมากมายครับ ทั้งแบบหนังสือหรือเป็นซีดีสำหรับคอมพิวเตอร์ก็มี และที่สำคัญหลังจากศึกษาแล้วต้องนำมาปฏิบัติในชีวิตประจำวันด้วย
  4. ทำสมาธิ การรู้จักทำสมาธิจะทำให้จิตใจเราสงบไม่ฟุ้งซ่าน จะทำให้เราทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การทำสมาธินี้ก็ไม่ต้องถึงขนาดเพ่งดวงเทียนหรือเดินจงกรมหรอกนะครับ แค่นั่งสมาธิเฉยๆก็พอ ก็นั่งแบบที่เราเคยเรียนมาตอนมัธยมนั่นแหละครับ หายใจเข้าท่อง "พุท" หายใจออกท่อง "โท" ทำแค่นี้วันละ 10 นาที ก็พอครับ
  5. ชักชวนคนอื่นให้ทำบุญตักบาตรด้วย พระพุธเจ้าเคยบอกไว้ คนที่ตัวเองทำบุญตักบาตรและชวนคนอื่นให้มาทำบุญตักบาตรด้วยจะได้บุญสูงที่สุด ดังนั้นเราควรชักชวนคนอื่นให้มาร่วมทำความดีกับเราด้วยครับ ก็ไม่ต้องเป็นคนอื่นขนาดชวนขอทานที่เราพึ่งบริจาคเงินไปมาทำบุญหรอกนะครับ เริ่มจากญาติสนิทมิตรสหายก่อนนี่แหละครับ เหมือนเป็นการแนะนำสิ่งดีๆให้ญาติเหล่านี้ไปในตัว

วิธีที่ 2 วิธีนี้การันตีความสำเร็จใน 3 เดือนครับ ถ้าคุณปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ถ้าไม่ได้นิพพานอีกมาเหยียบหน้าผมได้เลย

วิธีการปฏิบัติก็คล้ายกับวิธีข้างบนครับ เปลี่ยนแค่รายละเอียดนิดหน่อย
  1. เข้าเซ็นเตอร์ เข้าไปฟังบรรยาย ไ่ม่ว่าจะบรรยายว่าสินค้าตัวนี้มีสรรพคุณอย่างไรบ้าง จุดจบของชีวิตมนุษย์เงินเดือนที่ละแล้วซึ่งวิสัยทัศน์เป็นอย่างไร บุคคลที่เข้าถึงแล้วด้วยการขายตรงจะได้ไปเที่ยวประเทศอะไรบ้าง การฟังบรรยายนี้จะทำให้เรารู้ถึงความชอบกับดีครับ (ผิดกับชั่วจะไม่รู้ เพราะพวกเราไม่ผิด พวกเราไม่ชั่ว ไอ้ที่ผิดที่ชั่วนั่นมันคนอื่น) การเข้าเซ็นเตอร์นี้คุณต้องเข้าประจำทุกวันครับ อย่าให้ขาด ขาดไปนี่คุณจะกลายเป็นคนบาปของแผ่นดินเลยทีเดียว
  2. สวดมนต์ การสวดมนต์นี้ควรสวดตลอดเวลาครับ ทั้งเวลาคุยกับเพื่อน พ่อ แม่ พี่ น้อง หมา เพื่อนหมาๆ บทสวดที่แนะนำก็ "เฮอบาไลท์ ภควันตัง อภิวาเทมิ - ข้าพเจ้าอภิวาทเฮอบาไลท์" (หรือจะเปลี่ยนเฮอบาไลท์เป็นบริษัทอื่นที่คุณนับถือก็ได้ครับ) "อัพไลน์ นมัสสามิ - ข้าพเจ้านมัสการอัพไลน์" "เงิน นะมามิ - ข้าพเจ้านอบน้อมเงิน" ครับ สวดเข้าไว้ อย่าให้ขาด
  3. ศึกษาแนวคิด เนื่องจากว่าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่เป็นธุรกิจรูปแบบใหม่ ไม่เคยมีใครหน้าไหนทำมาก่อนเลยในโลก คุณต้องคอยศึกษาสิ่งที่อัพไลน์สอนให้ดีๆครับ เค้าแจกซีดี แจกดีวีดี แจกวีดีโอ แจกเทปคาสเซ็ท แจกอะไรก็แล้วแต่คุณต้องเอาไปศึกษาให้ถ่องแท้ครับ อันนี้ก็ไม่ต้องศึกษาอะไรลึกซึ้งมากนะครับ แค่พื้นฐานก็พอ เพราะเดี๋ยวคุณจะฉลาดรู้เท่าทันเค้า อ้อ ศึกษาแล้วต้องปฏิบัติตามด้วยนะครับ
  4. ทำสมาธิ อันนี้ไม่ต้องนั่งสมาธิครับ ทำได้ตลอดเวลา แค่คุณหายใจเข้าท่อง "แอม" หายใจออกท่อง "เวย์" ง่ายๆแค่นี้เองครับ ทำไปเยอะๆ ทำแบบไม่ต้องมีสติเลยนั่นแหละ เพราะถ้าสติมาเดี๋ยวปัญญาเกิด
  5. ชักชวนคนอื่นให้ทำตามคุณ อันนี้ศาสดาได้ทำเป็นตัวอย่างไว้เลยครับ ยิ่งชวนคนเยอะคุณก็จะยิ่งบรรลุนิพพานเร็วขึ้นเท่านั้น ชวนมันให้หมด ขอทานที่พึ่งเดินเตะกระป๋องมันไป คนขายข้าวแกง ผู้ป่วยโรคไต โดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์เงินเดือนนี่ยิ่งต้องชวนใหญ่เลยครับ เพราะพวกนี้ขาดวิสัยทัศน์ ไม่รู้จักสร้างระบบ ชวนจนมันเลิกคุยกับเราไปเลยนั่นแหละ อ้อ เว้นไว้หน่อยนะครับ พ่อ กับ แม่ นี่ขอเหอะ สงสารท่านบ้าง

อ้าว ลืมบอกไปว่าวิธีนี้ไม่ได้เหมาะกับพุทธศาสนิกชนทั่วไปนะครับ ต้องเป็นพุทธศาสนิกชนที่ฉลาด มีวิสัยทัศน์พอที่จะมาขายตรง นอกนั้นไม่เหมาะครับ

ครับ ผมไม่อยากนิพพานแฮะ