วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ตกรถเมล์เมื่อครั้งวัยเยาว์

ผมเคยมีประสบการณ์ในการตกรถเมล์มาครั้งนึงครับตอนเด็กๆซักประมาณม.2 ม.3 ตอนนั้นนั่งกลับบ้านคนเดียวครับขึ้นจากแถวเกษตรฯนี่แหละ ก็จำไม่ได้ว่าเป็นรถสายอะไรแต่ที่แน่ๆจำได้ว่าเป็นรถเมล์ร้อน ผลจากการตกรถครั้งนั้นสรุปได้ดังนี้
  1. ได้ใช้ประกันอุบัติเหตุที่ทำไว้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญมา
  2. ได้แผลขนาดใหญ่ที่เข่า ต้องไปล้างแผลที่โรงพยาบาลทุกวันเป็นเวลาเกือบสองอาทิตย์ตามคำพิพากษาของเจ้าหน้าที่
  3. โดนพ่อแม่พี่น้องลุงป้าน้าอาและคนข้างบ้านสอบเกี่ยวกับแผลที่ได้ว่าขาขาดอยู่แล้วหรือพึ่งขาด เอ้ย ถามว่าแผลนี้ท่านได้แต่ใดมา
  4. และคุณๆเหล่านั้นที่ฟังที่มาของแผลจบมักจะเล่ากรณีศึกษาที่ได้เจอมาให้ผมฟังถึงความไม่ชอบธรรมของรถเมล์ร้อนในระบอบทุนนิยม (ที่ฟังมามีคนตกรถเมล์แล้วไหปลาร้าหักก็มี)
  5. โดนคำสั่งศาลชั้นต้นจากพ่อแม่ไม่ให้ขึ้นรถเมล์ร้อนอีกต่อไป และไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อ แต่แอบขึ้นบ้างเมื่อกฎหมายครอบคลุมไปไม่ถึง
  6. หลังจากที่เวลาผ่านไปเกือบปีก็ยังโดนโรงพยาบาลตามตัวให้เอาหลักฐานแสดงตนในการประกันตัว เอ้ย ประกันอุบัติเหตุไปยื่นต่อคณะกรรมการ (โรงพยาบาลทำงานยังไงของมันวะ ผ่านมาเกือบปีค่อยมาขอทะเบียนบ้าน)
เรียกได้ว่าครั้งนั้นพอเป็นบทเรียนให้ผมได้เรียนรู้ความจริงอันโหดร้ายของโลกทุนนิยม (อันเป็นที่รัก) ว่ารถเมล์ร้อนส่วนใหญ่ค่อนข้างจะไม่ค่อยอยากจอดป้ายที่มันอยู่ติดกับไฟแดงครับ เพราะถ้าจอดแล้วติดไฟแดงจะได้จอดนานเลย ดังนั้นรถเมล์จะรีบๆจอดรีบๆส่ง แล้วก็จากไปก่อนที่ไฟแดงจะมาเยือน

ที่อยู่ดีๆมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังก็ไม่มีอะไรหรอกนะครับแต่เป็นเพราะว่าอยากบล็อกตอนที่แล้วมันทำให้คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาครับเรื่องเอามาเขียนซะหน่อย

ปล. ผมไม่ได้เป็นเฮียอู่แท็กซี่ ไม่ได้เป็นคนคุมวินรถตู้ ไม่ได้เกลียดรถเมล์ (ผมชอบรถเมล์นะครับ ชอบขึ้นรถเมล์ ชอบขึ้นมากกว่ารถตู้อีก) แต่ที่มาเขียนนี่แค่อยากเล่าเฉยๆครับ ไม่ได้มาบ่อนทำลายขสมก.ใดๆทั้งนั้น ยกเว้นแต่บ่อนไพ่นั่นอีกเรื่องนึง

1 ความคิดเห็น:

  1. เคยตกรถเมล์เหมือนกัน ตอนไปเรียน รด.
    ยืนรอเพื่อนซื้อของที่ 7-eleven อยู่ ปรากฏว่าเห็นรถเมล์สาย 16 วิ่งมาสองคันติด
    กว่าเพื่อนจะออกมา รถทั้งสองก็วิ่งออกจากป้ายไปแล้ว
    ผลก็คือ เพื่อนโดนตบหัวจนแตก ใช้บริการ 30 บาท

    อ้าว ตกรถคนละแบบนี่หว่า

    ตอบลบ