วันพุธที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2552

วันสิ้นปี NSC และร่างไร้ชีวีของผม

อยากเล่าครับอยากเล่า อยากเล่าเรื่องวันสิ้นใจ เอ้ย วันสิ้นปีกับวันปีใหม่ที่ผ่านมาในชีวิตของผมให้ฟังหน่อย

เนื่องด้วยว่าผมกับเพื่อนที่ชื่อว่าเอตกลงปลงใจพัฒนาซอฟต์แวร์เข้าประกวดการแข่งขัน National Software Contest 2009 กันครับ เวลาที่เค้าให้มาพัฒนาก็เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว ให้ส่งผลงานตอนช่วงปีใหม่ของปีนี้ วันที่ 5 มกราครับ แต่พวกผมเป็นคนถือฤกษ์งามยามดีครับ เพราะฉะนั้นก็เลยรอให้ถึงวันเกิดของพระเยซูซะก่อนถึงได้เริ่มทำงานอย่างจริงๆจังๆ ฮ่าๆ

ด้วยเวลาที่เหลืออยู่ 12 วัน ผมก็ต้องเร่งปั่นงานกับเอเพื่อให้ทันกำหนดส่ง ความจริงก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ทำงานที่มหาลัย กลับดึกหน่อย สี่ห้าทุ่มก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ มันก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรหรอกครับ ถ้าไม่ใช่เพราะว่า ...

ไอ้ 12 วันที่ว่านี้มันดันคร่อมวันสิ้นปีกับวันปีใหม่ด้วยนี่สิ ไม่น่าเลย ปีใหม่ของผม

ครอบครัวผมเค้าก็จะไปเที่ยวโคราชตอนปีใหม่กันครับ ไปสองวัน แน่นอนว่าผมนั้นก็อดไปเนื่องด้วยต้องทำงานนี่แหละ

ตื่นนอนวันสิ้นปี
วันนี้ตื่นมาเกือบๆเก้าโมงครับ พ่อแม่และน้องๆก็เตรียมตัวไปเที่ยว ตื่นมาก็พบว่าแม่ทอดเกี๊ยวซ่าไว้ให้กินครับ ไอ้ผมก็อยากกินอยู่หรอกนะถ้าไม่ใช่เพราะว่าเจ็บคออยู่ เซ็งเลย อดกิน

พอพ่อแม่และน้องๆออกจากบ้านไป ผมก็เตรียมตัวออกจากบ้านไปมหาลัยเช่นกันครับ ก็ออกไปทั้งที่ไม่ได้กินข้าวเช้านั่นแหละ ตอนรอรถก็คิดๆว่าไหนๆก็เป็นวันสิ้นปีแล้วน่าจะฉลองกับตัวเองซะหน่อย จะฉลองตอนเย็นหนะเหรอ อย่าหวังเลย กว่าจะเลิกงานก็คงนู่นห้าทุ่ม ห้างที่ไหนมันก็ปิดหมดแล้ว อย่ากระนั้นเลย ฉลองมันมื้อเที่ยงนี่แหละ แล้วผมก็ตัดสินใจว่า แวะซื้อขนมไปฝากเอด้วยดีกว่า ดังนั้นแทนที่ผมนั่งรถไปมหาลัยเลย ผมก็แวะที่หมอชิตก่อนเพื่อซื้อขนมปังยามาซากิ (ความจริงที่มาบุญครองก็มี) จากนั้นผมก็จับรถไฟฟ้าไปมาบุญครองครับ

พอไปถึงก็คิดอยู่ซักพักว่าจะกินอะไรในงานฉลองวันสิ้นปีดี (พูดซะหรูเลย ความจริงก็แค่กินข้าวในร้านหรูๆแค่นั้นแหละ) สรุปได้ว่าอยากกินยาโยอิครับ ตอนนั้นคิดว่ามันมีที่ไหนบ้าง ที่แรกที่นึกถึงเลยก็จามจุรีสแควร์ ไกลนะเนี่ย แต่เอาวะ วันสิ้นปีทั้งที เดินออกจากมาบุญครองจะไปขึ้นรถเมล์ รอรถซักพักดันนึกขึ้นมาได้ว่ามาบุญครองก็มียาโยอินี่หว่า ก็เลยเดินกลับเข้าไปใหม่

งานฉลองสิ้นปี
มาถึงร้านยาโยอิ ตอนเดินเข้าไปจังหวะนั้นมีลูกค้าอีกสองคนเดินเข้าพร้อมกับผมพอดีครับ พนักงานก็เลยนึกว่าผมมากับเค้า พอผมบอกไปว่าไม่ใช่ ผมมาคนเดียว คุณเธอก็ทำหน้าแปลกใจซะอีก ทำไมคร้าบ มากินข้าวคนเดียวฉลองวันสิ้นปีแปลกตรงไหนคร้าบ ฮ่าๆ พอเข้าไปนั่งผมก็กวาดสายตามองรอบร้าน มันก็ไม่น่าเจ็บใจอะไรที่่จะมีโต๊ะผมโต๊ะเดียวที่มีคนนั่งคนเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าโต๊ะส่วนใหญ่เค้านั่งกันเป็นคู่นี่สิ เฮ่อ เศร้าจริงๆ บางคู่ยังเป็นเด็กมัธยมอยู่เลยด้วยซ้ำ อะไรว้า เด็กมัธยมมีแฟนได้ไงกัน ชิ

ด้วยความหิวเนื่องจากไม่ได้กินข้าวเช้ามา ผมก็เลยหยิบขนมปังที่ซื้อมาขึ้นมากินซะเลย กินไปครึ่งก้อนข้าวมาพอดี ก็เลยเก็บขนมหันมากินข้าวดีกว่า เมนูที่สั่งไปนั้นก็เป็น "สเต๊คหมู" ครับ ไม่เคยกินหรอกนะ ปกติกินแต่หมูย่าง อันนี้แพงกว่าหมูย่างด้วย ความคาดหวังว่ามันน่าจะอร่อยก็เลยมากกว่าหมูย่าง แต่พอมาถึงกินไปคำแรก เอ่อ เฉยๆแฮะ ไม่ค่อยจะมีรสชาดเลย แอบผิดหวังนะเนี่ย แต่แล้วผมก็พึ่งเห็นครับว่ามันมีน้ำจิ้มมาให้ด้วย พอกินกับน้ำจิ้มแล้วมีรสชาดขึ้นเยอะเลย กินเสร็จก็เล่นเอาอิ่มมากๆเลยครับ ไอ้ขนมปังที่กินค้างไว้ก็กินต่อไม่ลงแล้ว จำไม่ได้ว่าราคาจริงๆเท่าไหร่ แต่รู้สึกว่าจะประมาณ 130 บาทหละมั้ง เสร็จแล้วก็ย้ายไปฉลองต่อที่มหาลัยด้วยการทำงานให้ลืมวันลืมคืนไปเลย ฮ่าๆๆๆๆๆ ฮือๆๆๆๆๆๆๆ จะร้องไห้

คืนสิ้นใจ
ผมกับเอก็นั่งทำงานกันไปเรื่อยๆครับ ตอนเย็นก็เดินออกไปกินข้าวตรงหัวมุมถนนแล้วก็กลับมาทำงานต่อ พอซักสามสี่ทุ่มก็เริ่มได้เมสเซจปีใหม่แล้วครับทั้งผมและเอ ก็ยังทำงานต่อไปเรื่อยๆ แล้วซักพักผมก็ได้เมสเซจจากอ.มานพครับ เขียนมาอวยพรและขอให้มีความสุขกับการทำงานหนัก เหอๆ อาจารย์ครับ มีความสุขกับการทำงานหนักเนี่ยนะ ขอบคุณมากครับอาจารย์ หลังจากที่ได้รับเมสเซจกันพอสมควรผมกับเอชักเริ่มไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานซะแล้ว ก็เลยจะหยุดงานซักพักแล้วหันมาส่งเมสเซจกับเค้าบ้าง (มีคนให้ส่งให้ด้วยเหรอ ผมเนี่ย???) ครับ พอเริ่มส่งมันก็เริ่มหยุดไม่ได้ กว่าจะคิดข้อความ กว่าจะพิมพ์ข้อความเสร็จ ก็กินเวลานานโขเลย ก็เป็นอันว่าผมกับเอก็เลยเลิกทำงานซะเลย หันมาส่งอย่างเอาจริงเอาจัง เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้านไป ฮ่าๆ

คืนสิ้นใจ (ต่อ)
บนรถตู้ที่นั่งกลับบ้านผมก็ยังได้รับเมสเซจอยู่เป็นระยะๆครับ ผมก็พยายามจะส่งเมสเซจกลับบ้างแต่ว่าสงสัยคนจะส่งเยอะ ผมก็เลยส่งไม่ได้ซักข้อความเลย พอกลับมาถึงบ้านก็เห็นผับข้างๆบ้านที่ถ้าเป็นคืนปกติจะมีสาวๆแต่งชุดสุดเซ็กซี่ (???) มายืนเรียกลูกค้า ในคืนนี้สาวๆเหล่านั้นเค้าก็ยังอยู่ครับ แต่ว่าพวกเค้ากำลังเล่นเหยียบลูกโป่งกันอยู่!!! ดูแล้วอดอมยิ้มไม่ได้ มันคงเป็นความสุขเล็กๆน้อยในคืนสิ้นปีอย่างนี้ นั่นสิเนอะ คืนสิ้นปีใครๆเค้าก็มีความสุขกันทั้งนั้น ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ฉลองอะไรในคืนสิ้นปีอย่างนี้ แต่อย่างน้อยตอนกลางวันก็ยังได้ฉลองกับตัวเองไปแล้วที่ร้านยาโยอิ

ก่อนนอน
เข้าบ้านไป หมาที่บ้านก็เห่าเรียกใหญ่เลยครับ คาดว่ามันคงเหงา ต้องอยู่บ้านตัวเดียวไม่มีคนเล่นด้วย แต่แล้วผมก็พบว่าผมลืมเติมน้ำให้หมาก่อนออกจากบ้านครับ ท่าทางจะหิวน้ำน่าดูเลย หลังจากที่จัดการเก็บกวาดบ้านนิดหน่อย ก็เตรียมตัวเข้านอน คืนนั้นก็ค่อนข้างเหงาๆนะครับ อยู่บ้านคนเดียวกับหมาอีกตัว แต่ไม่รู้สิ ถึงเหงาก็เป็นเหงาแบบอุ่นๆ (เข้าใจมั้ยเนี่ย) เป็นเหงาที่ทำให้ผมอมยิ้มได้ ไม่ได้เหงาแบบเศร้าๆขมๆ

คืนนั้นก็นอนหลับไปพร้อมกับความเหงาแบบหวานๆนี่แหละครับ พร้อมกับลุ้นว่า...
เธอคนนั้นจะตอบเมสเซจกลับมารึปล่าว

จบแล้วครับ วันสิ้นปีที่อยากเล่าให้ฟังของผม

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ21 มกราคม 2552 เวลา 21:38

    ขอบคุณคับ

    ตอบลบ
  2. ไม่เป็นไรครับ

    ว่าแต่มาขอบคุณผมเรื่องอะไรกันเนี่ย

    ตอบลบ