วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนยังเวียนวน

ปกติแล้วเวลาผมเล่าเรื่องชีวิตการเรียนของผมลงในบล็อกนั้นผมจะพยายามหลีกเลี่ยงการเอ่ยถึงชื่อมหาลัยที่เรียนอยู่ครับ ทำไมหนะเหรอ? เออ นั่นสิ ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน แต่คิดว่าอาจจะเป็นเพราะมหาลัยที่เรียนอยู่เป็นมหาลัยชื่อดังครับ (รึปล่าวหว่า?) พูดไปเดี๋ยวคนที่ไม่ชอบจะหมั่นไส้ คิดว่าผมอยากจะโชว์มหาลัยตัวเอง -*- (เค้าจะหมั่นไส้ก็เพราะพูดอย่างนี้นี่แหละ) ก็ไม่รู้สิครับ แต่เอาเป็นว่าผมไม่อยากพูดถึงชื่อมหาลัยตรงๆก็แล้วกัน เพราะฉะนั้นเวลาจะเรียกก็จะเป็น "มหาลัยที่ผมเรียนอยู่" แทนครับ และก็เหมือนกันถ้าเป็นก่อนหน้านี้หากผมจะพูดถึงโรงเรียนที่ผมเรียนตอนอยู่ม.ปลายก็เหมือนกันครับ คงไม่พูดชื่อออกมาตรงๆ เหตุผลดังที่กล่าวมาแล้วนั่นแหละ

แต่มาถึงวันนี้ผมอยากจะพูดออกมามากเลยครับ พูดออกมาอย่างภูมิใจเลยว่า
ตอนม.ปลายผมเรียนที่เตรียมฯครับ เรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา

ภูมิใจครับภูมิใจ ภูมิใจมากครับที่ได้เรียนที่เตรียมฯ ได้เรียนที่โรงเรียนนี้ โรงเรียนที่ได้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนอันดับหนึ่งของประเทศ เฮ่อ โชคดีจริงๆเรา :D

จะขอยกกลอนสองบทนี้ของม.ล. ปิ่น มาลากุลมาเขียนหน่อยนะครับ
เตรียมอุดมศึกษาวาระนี้
วัยสี่สิบพอดีจริงนะท่าน
นักเรียนเก่ากลับมาเป็นอาจารย์
บริหารโรงเรียนเปลี่ยนชุดไป

แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนยังเวียนวน
คือความรักศักดิ์ตนทุกสมัย

ได้ชื่อว่า ต.อ.ย่อมพอใจ
พระเกี้ยวน้อยยิ่งใหญ่ตลอดกาล

ที่อยู่ดีๆมาเขียนเรื่องนี้ก็ไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ เพราะศุกร์ที่แล้ว (23 พ.ค.) เป็นวันคืนสู่เหย้าเตรียมฯครับ ผมก็ได้กลับไปที่โรงเรียนเตรียมฯ กลับไปเดินดูบรรยากาศเก่าๆ กลับไปดูสภาพใหม่ๆ กลับไปพบเพื่อนๆ เฮ่อ คิดถึงโรงเรียนจังเลยแฮะ ยังจำวันแรกที่เปิดเทอมได้อยู่เลย (ก็จะจำไม่ได้ได้ไงหละ ทำเรื่องหน้าแตกเอาไว้ :P) และพอได้กลับไปก็รู้สึกภูมิใจในตัวเองขึ้นมาเลยครับเลยต้องมาเขียนบล็อกเก็บไว้หน่อย

ตอนอยู่เตรียมฯผมเรียนอยู่วิทย์เยอร์ครับ วิทย์ก็หมายถึง สายวิทย์-คณิต เยอร์ก็หมายถึงเยอรมัน(ที่เตรียมฯสายวิทย์-คณิตต้องเรียนวิชาเสริม ในที่นี้ของผมก็เรียนภาษาเยอรมันเป็นวิชาเสริมครับ) วิทย์-เยอร์รุ่นผมเป็นสายเล็กๆมีแค่ 2 ห้อง ผมก็ไม่รู้นะครับว่าจะวัดความสนิทสนมยังไง และก็ไม่รู้ว่าสายอื่นเค้าสนิทกันแค่ไหน แต่ผมว่าวิทย์เยอร์ของเราก็สนิทกันดีครับ ไม่ได้ถึงกับว่าทุกคนในสายสนิทสนมกันทุกคนหรอกนะ แต่ว่าพวกเราก็รู้จักกันดี เคยทำงานทำกิจกรรมร่วมกัน เคยหัวเราะเคยร้องไห้ด้วยกันทั้งสาย ความจริงสายอื่นก็คงเป็นเหมือนกัน แต่สายเราหนะทะเลาะกันทั้งสายมาแล้วก็ยังเคย ทะเลาะกันด้วยเรื่องงี่เง่าด้วยสิ รับรองว่าสายอื่นไม่เคยแน่ๆ ฮ่าๆ (เล่ายังกับเป็นเรื่องดีงั้นแหละ -*-) กลับมาคิดดูตอนนี้ตลกดีแฮะ แล้วคนในสายผมก็มีแบบที่ประหลาดๆแบบที่คนในสายอื่นไม่มีแน่ๆอีกเหมือนกัน

เกี่ยวกับวิทย์เยอร์
  • ชื่อย่อภาษาอังกฤษของวิทย์เยอร์คือ WMD มาจาก Wissenchaft Mathematik Deutsch
  • ชื่อย่อภาษาไทยของวิทย์เยอร์คือ ค.ว.ย. ย่อมาจาก คณิต วิทย์ เยอรมัน
  • บูมวิทเยอร์ Bomber Kieger Zaizer Freude Zenzuk Liehre Wer sind wir? WMD Kert ihr sehn? laaaaaaa
  • หลังจากที่มีคนถามว่าเรียนสายอะไรพอตอบออกไปว่าวิทย์เยอร์คนถามมักจะพูดกลับมาว่า "พูดเยอรมันให้ฟังหน่อยดิ"
  • และคำตอบส่วนมากก็จะเป็น Guten tag ที่แปลว่าสวัสดี (แต่ผมเองมักจะตอบว่า Wie geht es ihnen ที่แปลว่าเป็นยังไงบ้าง ก่อนจะตบมุขว่านี่เป็นประโยคยาวสุดที่พูดได้แล้วตั้งแต่เรียนมา (จะได้ไม่เซ้าซี้ถามอีก))
ความจริงก็อยากจะเขียนหลายข้อมากกว่านี้นะครับ แต่ตอนนี้คิดไม่ออก ไว้วันหลังจะมาเขียนใหม่ (พูดแบบนี้แปลว่าไม่เขียนครับ :P)

2 ความคิดเห็น:

  1. ชอบบทกลอนของ ม.ล.ปิ่น มาลากุล ตรงที่ว่า
    "คือความรักศักดิ์ตนทุกสมัย" อ่านแล้วเพราะดี

    ขอขอบคุณที่ไปแวะตอบปัญหาก๊วนกวน
    คิดต่ออีกสัก 4 ข้อละกัน

    ได้เข้าไปฝากความคิดเห็น
    ที่บทความของคุณ tanakorn
    "คุณธรรม มิตรภาพ ความภักดีและความเชื่อใจ"

    ตอบลบ
  2. สวัสดี(อดีตเด็ก)วิทย์เยอ
    เพิ่งรู้ว่าเราอยู่โรงเรียนเดียวกัน (และอาจจะมหาลัยเดียวกัน )เราก็มีอาการเดียวกันแหละไอ้เรื่องพูดชื่อโรงเรียน แต่ที่เราไม่พูดเพราะว่าเราชอบนินทาโรงเรียนตัวเอง 55เดี๋ยวมันจะดูไม่ดี
    ---
    อยากเป็นนักวิจัย...ว้าว! ฟังดูเท่มากเลย(อันที่จริงพี่อยากจะพิมพ์ว่า โคตรเท่เลยหวะน้อง)น้องก็จง " ดันทุรัง" ต่อไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ได้เองแหละ(มั้งนะ...มั้ง ?) ระหว่างที่รอการเป็นว่าที่นักวิจัยระดับโลกก็มาเขียนงานแนวๆพี่ก้อง การ์ ไวให้อ่านบ่อยๆก็ดี คล้ายกันเหลือเกิน( เหมือนเราเคยมาบอกว่าคล้ายไปแล้วรอบนึง)
    ---
    ชอบ...!

    ตอบลบ