วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2551

ไปศิริราชมา

เมื่อวันพุธที่ผ่านมาผมไปศิริราชมาครับ ไปทำไมหนะเหรอ ไปดูหนังครับ -*- ฟามันก็เลิกเรียนตั้งแต่ 10 โมง เลยนัดกันไว้ว่าตอนบ่ายจะไปดูหนังกัน ความจริงอยากให้มันมาที่สยามนะ แต่ก็เกรงใจเหมือนกันมันมาบ่อยแล้ว

ไม่ใช่ว่าไม่อยากไปศิริราชหรอกนะครับ แต่ไปไม่เป็นครับ มันไม่มีรถเมล์ผ่านเลย(มั้ง) ถ้าจะไปก็ต้องไปต่อเรือ แล้วไอ้เรือกับผมเนี่ยมันไม่สนิทกันเท่าไหร่ ความจริงคือชีวิตนี้ทั้งชีวิตยังไม่เคยขึ้นเรือขนส่งแบบนี้เลยครับ กลัวด้วย ตัวเองก็ว่ายน้ำแข็งซะที่ใหนกันหละ แล้วนี่ยังต้องขึ้นคนเดียวอีก ขึ้นที่ใหนก็ไม่รู้ รู้แค่สี่พระยา แล้วต้องลงท่าใหนอีกหละ เดี๋ยวได้หลงทางกันพอดี แล้วเรือเนี่ยมันก็ไม่เหมือนรถเมล์ ลงรถเมล์ผิดป้ายยังเดินย้อนกลับมาได้ แต่ลงเรือผิดท่านี่คงไม่ว่ายน้ำกลับมาหรอกนะครับ

แต่ถึงมันจะน่ากลัวขนาดใหนแต่ก็อยากลองดูครับ อยากลองทำอะไรใหม่ๆดูบ้าง(เท่มะ) เริ่มจากออกจากจุฬาประมาณบ่าย 2 ขึ้นรถเมล์สาย 36 ไปสุดสายลงที่สี่พระยา จากนั้นก็ไปลงเรือแล้วขึ้นที่ศิริราช เป็นอันจบ

แต่มันไม่ง่ายแบบที่เล่านี่สิครับ เริ่มตั้งแต่พอลงรถเมล์แล้วไอ้ท่าเรือนี่มันอยู่ใหนกันว้า เดินดูแถวนั้นซักพักก็หาไม่เจอ โทรไปถามไอ้ฟาก็เหมือนจะรู้เรื่องแต่ก็หาไม่เจออยู่ดี เลยถามคนแถวนั้นดูว่าขึ้นเรือไปศิริราชต้องขึ้นท่าใหน เค้าก็ชี้ทางมาให้ โห ทำไมท่าเรือมันลึกลับขนาดนี้เนี่ย อยู่ในซอกเล็กๆ ถ้าเดินหาเองคงไม่เจอแน่ๆ แต่เอาเถอะเป็นอันว่ามาถึงท่าเรือแล้ว

ถัดจากนี้ก็รอขึ้นเรือ แต่จะรู้ได้ไงว่าต้องขึ้นเรือลำใหน ฝั่งใหน ถ้าขึ้นผิดฝั่งคงได้ไปโผล่สะพานตากสินแน่ๆเลยเรา แต่ค่อยยังชั่วหน่อยตรงท่าเรือมีป้ายบอกไว้ เค้าก็อธิบายละเอียดดีครับ หยั่งกับป้ายบอกสถานีของรถไฟฟ้าแหนะ แต่ละเอียดกว่า ก็ดูๆแล้วเรือจะมี 4 แบบ เป็นเรือธรรมดา 1 แล้วก็เรือด่วนอีก 3 ไอ้เรือธรรมดาเนี่ยมันจะจอดทุกท่า(อ่านจากในป้าย) ส่วนเรือด่วนจะจอดแค่บางท่า(ท่าใหญ่ๆเท่านั้นมั้งครับ เดาเอา) แล้วศิริราชเนี่มันท่าใหนกัน เฮ่อ ค่อยยังชั่วหน่อยที่ในนั้นมีวงเล็บบอกไว้ว่า "ท่าวังหลัง(ศิริราช)" ไม่งั้นมีหวังได้ขึ้นผิดท่าแน่นอน(ตอนแรกนึกว่าท่าพระปิ่นเกล้า เดาเอาเห็นฟาบอกว่าศิริราชใกล้กับเซ็นทรัลปิ่นเกล้า เลยนึกว่าจะเป็นท่าพระปิ่นเกล้า) อืม รู้แล้วว่าต้องขึ้นท่าใหน แล้วไอ้ท่าวังหลังเนี่ยเรือธรรมดาก็เทียบ แล้วเรือด่วน 2 ใน 3 สายก็เทียบ อ่า ค่อยยังชั่วหน่อย ขึ้นเรือไปก็โอกาสถูก 3 ใน 4 55+ โดยไอ้เรือเนี่ยมันจะบอกว่าเป็นเรือแบบใหนโดยมีธงผูกอยู่หน้าเรือครับ ก็ให้สังเกตจากสีธงเอา

แล้วในที่สุดเรือก็มา เราก็เดินไปขึ้นเรือด้วยความไม่ค่อยมั่นใจ ก่อนขึ้นเรือก็ถามคนข้างๆซะหน่อยว่าสายนี้ผ่านศิริราชรึปล่าว เค้าตอบว่าผ่าน อ่า ค่อยยังชั่ว เหมือนทำภารกิจเสร็จไปหนึ่งอย่าง ภารกิจต่อไป ลงให้ถูกท่า "อันนี้คงไม่ยากมั้ง" คิดในใจเพราะเรือที่ขึ้นเป็นธงสีส้ม มันจะจอดท่าวังหลังเป็นท่าที่สอง(ท่าแรกราชวงศ์) เพราะงั้นพอมันเทียบท่าครั้งที่สองเราก็ลงซะแค่นั้นก็เสร็จภารกิจที่สอง แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นสิครับ ไอ้ท่าที่สองที่มันเทียบนี่ไม่ใช่ท่าวังหลังครับ มันท่าราชินี(ถ้าจำไม่ผิด) เฮ้ย เกือบหลงกลซะแล้วสิเรา (ก็แปลกใจว่าทำไมมันถึงเทียบท่านี้ได้ แต่เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังตอนจบครับ) โชคดีหูไวตาไว(รึปล่าว)ไหวตัวทัน อ่า งั้นความคิดที่ว่าพอเทียบท่าที่สองก็ลงใช้ไม่ได้ผลแล้วสิ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวคอยดูป้ายตามท่าก็ได้ ก็นั่งไปสังเกตไปว่าถึงใหนแล้ว (แล้วอยู่ดีมันก็มีท่ามหาราชโผล่มาครับ เฮ้ยมาจากใหนเนี่ย ในป้ายไม่เห็นเขียนบอกไว้เลย -*-) เกือบลงผิดไปครั้งนึงแต่โชคดีที่ถามเค้าก่อนว่าใช่ศิริราชรึปล่าว

อ่า ในที่สุดก็ได้ลงจากเรือซักที(ก่อนลงก็เช่นเคย ถามเค้าอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าใช่ศิริราชรึปล่าว เพราะไอ้ท่าวังหลังเนี่ยป้ายมันไม่เห็นวงเล็บไว้เลยว่าศิริราช) พอลงเรือมาก็เดินออกมาจากท่า แถบนั้นเป็นตลาดมั้งครับ เห็นร้านรวงอยู่เต็มไปหมด แล้วใหนศิริราชหละ โทรไปถามไอ้ฟาว่าออกจากท่ามาแล้วไปไงต่อ มันก็ตอบกลับมาว่าเดินเข้าประตูมาเลย "แล้วใหนประตูหละวะ" "ก็มีอยู่ประตูเดียวหนิ" เออ นั่นไงประตู ทำไมตะกี๊เราไม่เห็นนะ ก็เดินฉับๆเข้าไปตามเส้นทางที่ไอ้ฟาบอกมา สู่เส้นทางของหอชายที่มันพัก แต่ก็เดินเลยไปหน่อยจนไปถึงหอหญิงนู่นแหนะ(ตอนนั้นเขินๆ ไม่รู้ว่าใต้หอหญิงเค้าให้ผู้ชายเข้าได้ปล่าวเลยรีบก้มหน้าก้มตาเดินออกมา ไม่ได้ยลโฉมสาวศิริราชเลยซักคน)

แล้วก็เดินย้อนกลับไปเจอฟาเดินมากับปิ๊ง โหปิ๊งดูเหมือนหมอจริงหวะ ผิดกับไอ้ฟา : ) แม่งเนี่ยนะหมอ ไม่บอกนึกว่าเรียนวิศวะเครื่องกลนะเนี่ย แล้วพวกเราก็ไปหาที่นั่งคุยกัน(ปิ๊งบอกว่าเค้าเรียกว่าหอประชาธิปไตย) ไอ้ฟาก็เตรียมโน้ตบุ๊คมาให้ก็อปเพลงไปเพราะบอกมันไว้ก่อนว่าอยากได้เพลง(เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายนะครับ อย่าเลียนแบบ เพราะว่าคนไทยมัวแต่ทำอย่างนี้หนะสิ ประเทศชาติถึงไม่พัฒนา แล้วนี่เรียนวิศวะคอมฯอีก ยังมาก็อปไม่ไหวจริงๆ) ก็นั่งเลือกเพลงกันไป แล้วปิ๊งก็ชวนไปพิพิธภัณฑ์ ว้าว จะได้เห็นซีอุยแล้ว แต่ว่าพิพิธภัณฑ์เค้าปิดสี่โมง ตอนนั้นก็สามโมงกว่าแล้ว เช็กรอบหนังดูก็เห็นรอบสี่โมง ก็เลยตัดสินใจไม่ไปพิพิธภัณฑ์ แล้วก็น่าเสียดายมาเย็นไปหน่อย เลยไม่ได้เห็นสาวศิริราชเท่าไหร่เลย

พอก็อปเพลงกันเสร็จก็ขึ้นแท็กซี่ไปดูหนังกันที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ปิ๊งไม่ได้ไปเพราะจะอ่านหนังสือสอบ อยู่บนรถก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อย เรื่องเพื่อน เรื่อง(คล้ายๆ)ปรัชญา บางทีก็คุยเรื่องสุขภาพ เพราะตอนนี้ผมกำลังกลัวมะเร็งอยู่ครับ บอกไอ้ฟาว่าอยากกินมังสวิรัติมันก็ห้ามบอกผอมจะตายอยู่แล้วยังจะกินมังสวิรัติอีก แล้วมันก็บอกว่าสัตว์มันเกิดมาเพื่อชดใช้กรรมก็กินๆมันไปซะเหอะ(จริงเหรอวะ) เอาเหอะ มันก็เป็นแค่ความคิดครับ เพราะผมยังติดใจรสชาติของเนื้อสัตว์อยู่

ถึงโรงหนังก็มาดูหนังกันตามปกติ ดูเรื่อง cloverfield ครับ ดูจบหนังก็ใช้ได้(ไว้เดี๋ยวเขียนเรื่องหนังอีกทีนึง) ฟามันก็บอกว่าคลื่นไส้ หนังมันเวียนหัว ก็บ่นอยู่นั่นแหละ แล้วผมกับมันก็ไปกินข้าวกัน บนโต๊ะกินข้าวก็คุยๆกันต่อจากเรื่องที่อยู่บนรถแท็กซี่ แหม วันนี้ค่อยยังชั่วเรื่องที่คุยไม่ได้วกไปเรื่องผู้หญิงเท่าไหร่ ไม่งั้นมีหวังได้เห็นผมร้องไห้แหงๆ 55+(เว่อไปหน่อย)

แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน โชคดีที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้ามีรถเมล์ไปอนุสาวรีย์ ไม่ต้องย้อนกลับไปขึ้นเรืออีก : )

ปล. จะขอย้อนกลับมาที่เรื่องเรือที่ผมค้างไว้ว่าจะมาเล่าตอนจบ คือผมไปเสิร์ชในกูเกิ้ลมาแล้วก็เจอเว็บของบริษัทเรือที่ผมขึ้นครับ พอดูเส้นทางแล้วมันก็บอกว่าเรือธงส้มจะเทียบเกือบทุกท่า ไหงเป็นงั้นไปได้ ถ้าไม่ใช่ผมจำผิด ก็แปลว่ามันพึ่งเปลี่ยนเนี่ยแหละครับ แล้วก็ฝากไว้ครับสำหรับคนที่อยากเช็คเส้นทางการเดินเรือเจ้าพระยา บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น