วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

วาเลนไทน์ที่ผ่านมาของผม

ตอนแรกกะว่าจะเขียนตั้งแต่เมื่อวานเลย แต่พอกลับบ้านมาก็ง่วงๆ แล้วก็ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบเน็ตเวิร์กอีกก็เลยไม่ได้เขียน(แต่ดันมีเวลาไปอ่าน 4 ยอดมือปราบนะเรา)

วาเลนไทน์ปีนี้ผมต้องส่งโปรเจกต์ดาต้าเบสครับ ก็ตัวโปรแกรมผมไม่ได้ทำอะไรเลย ต้นเป็นคนทำทั้งหมด ส่วนผมเป็นคนทำคู่มือการใช้งานครับ งานของกลุ่มผมเสร็จตั้งแต่คืนวันพุธก่อนส่งแล้วหละครับ ไม่เหมือนของบางกลุ่มที่พึ่งเสร็จก่อนส่ง หรือที่แย่หน่อยก็ไม่เสร็จด้วยซ้ำไป

ตอนวันลอยกระทงปีที่แล้วผมพยายามชวนพวกเพื่อนๆที่ยังไม่มีแฟนไปกินหมูกระทะกันครับ ทำไมถึงต้องเป็นหมูกระทะหนะเหรอ? ก็เพราะยังไม่มีแฟนไงครับ ถ้ามีแฟนแล้วค่อยไปลอยกระทง คนที่ไปก็มี ผม จีโนม ปัน ที แล้วก็ตั้นครับ แต่ผลปรากฎว่าร้านมันปิด เราเลยไปกินต้มเลือดหมูกันแทน

แล้วพอประมาณเดือนที่แล้วปันก็มาชวนผมไปกินหมูกระทะกันอีกครับ ชวนไปกินวันวาเลนไทน์ -*- (อะไรมันจะเศร้าอย่างนี้) ปันก็พยายามชวนพวกเพื่อนๆที่ยังไม่มีแฟนไปกัน ตอนแรกผมก็คิดว่าก็ดีนะครับ ไปกินซ้ำเติมชีวิตซะหน่อย ใหนๆก็ไม่มีแฟน กินไปร้องไห้ไปซะเลย 55+ แต่พอมาถึงวันวาเลนไทน์จริงผมกลับรู้สึกสองจิตสองใจไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่ ไม่รู้สิ แต่มันดูเศร้าๆไงไม่รู้ แต่ก็นั่นแหละครับ โดนลากไปจนได้ โดยมีเพื่อนร่วมซับน้ำตาดังนี้ ปัน ต้น โตโต้ จีโนม แก๊น โอปอล แล้วก็มีกอล์ฟตามมาทีหลัง(แก๊นมีคุณสมบัติพอที่จะไปกินได้ครับ เพราะพึ่งเลิกกับแฟน : ( )

ตอนแรกเราก็เดินไปที่สวนหลวงกันครับ ก็ร้านที่จะไปกินตอนวันลอยกระทงนั่นแหละ แต่ปรากฎว่ามันปิดครับ ไม่ใช่ปิดร้านไม่ขายนะครับ มันปิดแล้วเปลี่ยนไปขายน้ำแข็งแทน-*- ก็เลยตกลงกันว่าจะไปมาบุญครอง ไปหาร้านแถวนั้นเอา โอปอลก็บอกว่ารู้จักอยู่ร้านนึงก็พาเดินไปครับปรากฎว่าไม่ใช่หมูกระทะแต่เป็นบุฟเฟท์สุกี้ โห ตั้ง 280 บาทแหนะ ต้นก็ดูเหมือนรู้สึกว่ามันแพงเกินไม่ค่อยอยากกิน ผมก็เลยแนะนำให้ไปกินบาบีคิวพลาซ่ากันครับ(ก็เคยกินครั้งนึงนะครับ ตอนอยู่เตรียมตอนงานรับน้องที่พาน้องห้องไปเลี้ยง ตอนนั้นก็เก็บเงินห้องไปไม่รู้หรอกว่าแพงปล่าว) แต่โอปอลก็บอกว่าถ้ากินพวกบาบีคิวพลาซ่าให้อิ่มเนี่ยแพงมากๆเลยคงประมาณร้านบุฟเฟ่ท์สุกี้ร้านนั้นได้เลยครับ แล้วแก๊นก็ต้องการบุฟเฟ่ท์มากๆเลย ส่วนปันกับโตโต้ทั้งวันกินกล้วยกันไปแค่คนละผลถ้ากินบุฟเฟ่ท์คงจะคุ้มแน่ๆ 55+ สุดท้ายเป้าหมายที่เราต้องการคือเป็นร้านที่เป็นบุฟเฟท์ครับ แล้วก็มีคนเสนอชาบูชิขึ้นมา ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่ดีๆทุกคนก็เห็นด้วย สงสัยคงหิวกัน ทั้งๆที่ราคามันก็ประมาณ 250 ต่างกับไอ้ร้านสุกี้นั่นแค่ 30 บาทเอง แต่เอาเหอะ 30 บาทรักษาทุกโรค ถ้ากินแล้วท้องเสียยังไปหาหมอได้ สงสัยแก๊นคงคิดอย่างนี้อยู่ 55+ (แซวเล่น เห็นมันพึ่งหายท้องเสีย) เป็นอันว่าทั้งหมดก็เดินไปสยามเ็ซ็นฯกันครับ

ขอนอกเรื่องหน่อย ตอนเดินไปเห็นมีเวทีของหนังเรื่องกอดมาตั้งโปรโมทหนังด้วยครับ มีดารามาด้วย ได้เห็นกระแตตัวจริงเสียงจริง แต่น่าเสียดายเห็นไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ครับ คนมันเยอะ แต่ก็น่ารักดีครับ

พอเดินมาถึงร้านปรากฎว่าคนค่อนข้างเยอะสมเป็นวันวาเลนไทน์เลยครับ หลังจากขอบัตรคิวพนักงานเค้าก็บอกว่ารอประมาณครึ่งชั่วโมง พวกเราก็รอกันครับ ก็ยืนรออยู่แถวหน้าร้านนั่นแหละครับ ยืนคุยกัน แหย่กัน แซวเล่นกันไป(แหย่ปันกับแก๊นสนุกดี) ก็รอไปเรื่อยๆ จนพวกเราเริ่มรู้ชะตากรรมแล้วแหละครับว่ามันคงไม่ได้กินภายในครึ่งชั่วโมงแน่ๆ แต่ใหนๆก็อุตส่าห์รอมาแล้วก็รอต่ออีกหน่อยละกัน และก็เพราะความคิดแบบนี้แหละครับทำให้พวกเราต้องรอตั้งเกือบ 2 ชม.ครึ่ง กว่าจะได้กินก็เกือบ 2 ทุ่ม(มาตั้งแต่ 5 โมงครึ่ง) เฮ่อ คิดดูแล้วเพราะความคิดแบบนี้แหละครับ ทำให้คนเราเล่นหุ้นแล้วขาดทุนเยอะ เพราะไม่รู้จัก cut loss -*-

เข้าไปในร้านก็แยกเป็น 2 โต๊ะครับ โต๊ะละ 4 คน ผมนั่งกับจีโนม ต้น แล้วก็ปัน ตอนได้กินก็สนุกสนานเฮฮาดีครับ แต่ความจริงก็ไม่ค่อยได้คุยอะไรกันมากนักหรอก ตั้งหน้าตั้งตากินกันอย่างเดียว เพราะเค้าจับเวลาชั่วโมงครึ่ง อาหารใส่สายพานเวียนไปเรื่อยๆ รสชาติก็ใช้ได้ครับ(ไม่รู้สิเพราะว่าหิวรึปล่าวก็ไม่รู้) แต่น่าเสียดายไม่มีเกี๊ยวซ๋ากับเทมปุระอะ อยากกินเกี๊ยวซ่าอะ ฮือๆ T_T หมดซะได้ แต่ก็ได้กินซูชิซะพุงกางเลย(กินซูชิไปเยอะมากเลยตอนรอน้ำเดือด)

มีอยู่ครั้งนึงผมเดินไปตักน้ำครับ ระหว่างทางก็เห็นโต๊ะนึงมีหอยด้วย กลับมาก็เล่าให้เพื่อนฟัง ตอนแรกผมก็นึกว่าต้องสั่งครับ แต่เพื่อนๆก็สันนิษฐานกันว่ามันหมดก่อนที่จะมาถึงโต๊ะเรา(โต๊ะดันอยู่ในซอกหลืบ เกือบสุดปลายสายพาน ยังดีมีอีกโต๊ะอยู่ในสุดอีก) ผ่านไปซักพักกอล์ฟที่อยู่โต๊ะก่อนหน้าก็ถามว่าเอาหอยมั้ยแล้วก็ส่งหอยมาให้ครับ และก็พบความจริงที่ว่าหอยมันหมดก่อนที่จะมาถึงโต๊ะผมนั่นเอง กว่ามันจะถึงโต๊ะของกอล์ฟก็เหลืออยู่ไม่กี่ถาดแล้วครับ และมันก็มักจะหมดที่โต๊ะของกอล์ฟไปก่อนจะถึงโต๊ะผม -*- 55+ แล้วก็มีถาดที่ 2 ตามมาครับ และหลังจากหอยถาดที่ 3 มาถึงโต๊ะผมก็หยิบมาอีกแต่ต้นกลับบอกว่าโต๊ะในสุดยังไม่ได้กินเลย จีโนมก็เอากลับไปวางบนสายพานตามเดิมครับ ปรากฎว่าพอมันไปถึงโต๊ะในสุดเค้าก็หยิบทันทีเลยครับ ย้ำว่าทันที โต๊ะผมขำกันทั้งโต๊ะเลย

กินกันไปก็รู้สึกว่ายังไม่นานเท่าไหร่เลย แต่ก็หมดเวลาซะแล้ว เค้ามาไล่ตอนผมกำลังกินไอติมอยู่เลย(กินไปทั้งหมด 6 ลูกแหนะ o_O) รู้สึกว่ามันเป็นวันที่ผมกินได้เยอะเหมือนกันแฮะ ปกติไม่ค่อยรู้สึกว่ากินบุฟเฟ่ท์แล้วคุ้มเท่าไหร่เลย นี่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าคุ้มหรอกครับ แต่รู้สึกว่ามันกินได้เยอะกว่าหลายๆครั้ง : P แล้วพอกินเสร็จก็แยกย้ายกันกลับครับ

ก็สรุปว่าวาเลนไทน์ปีนี้จะว่าดีก็ดีครับ เฮฮาดี แต่ไม่รู้สิเหมือนมันแอบเศร้าเล็กๆไงไม่รู้ และก่อนจะจบนะครับอยากฝากบอกเพื่อนๆที่ไปด้วยกันหน่อยว่า

สำหรับเพื่อนๆที่ไปกินหมูกระทะด้วยกันปีนี้ หวังว่าปีหน้าจะยังอยู่กันครบทุกคนนะครับ : D

2 ความคิดเห็น:

  1. บลอกลับแม่งเจ๋งจริงๆ

    ปล. เราน่าจะเห็นจานหอยจานแรกก่อนโต๊ะแกไม่ต่ำกว่าครึ่งชม.

    ตอบลบ
  2. เพิ่งเห็นบล็อกนี้ เล่าได้ละเอียดจริงๆ
    ถ้าจำไม่ผิด เราเป็นคนเสนอชาบูชิเองล่ะ เนื่องด้วยกล้วยหนึ่งใบจากหยกที่ประทังชีวิตมาตลอดทั้งวัน
    รายละเอียดบางอย่าง เราลืมไปแล้วนะนั่น

    ว่าแต่ วาเลนไทน์ที่จะถึงนี้จะเป็นอย่างไรหนอ o.O

    ตอบลบ